ไม่ไหวแล้ว หน้ามีแต่สิว ไปหาหมอก็แล้ว ใช้ทั้งยา ทั้งครีมรักษาสารพัดขนาน แต่ก็ยังไม่ช่วยแก้ปัญหาให้ได้เท่าไหร่ ต้องทำอย่างไรดี สถานการณ์เหล่านี้คือบริบทของคนหน้าสิวทั้งหลาย ซึ่งแก้มใสเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี และก็ทำให้แก้มใสเป็นห่วงไม่แพ้กันเพราะตอนนี้กระแส “ยาคุมรักษาสิว” กำลังทำให้คนที่มีปัญหาหันไปพึ่งพากระแสสังคมจนไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ไปซื้อยาคุมมากินตามกระแส ตามเพื่อนบอก สุดท้ายสิวไม่รู้ว่าหายหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือผลข้างเคียงจากยาคุมนี่แหละคือเรื่องที่ต้องใส่ใจ แล้วแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เราไปดูกันเถอะ
หัวข้อน่าสนใจเกี่ยวกับการกินยาคุมรักษาสิว
[one-third-first]
- ยาคุมกำเนิดคืออะไร
- สาเหตุของสิว
- สิวฮอร์โมนสังเกตุอย่างไร
- ผลข้างเคียงยาคุม
- ทานยาคุมแล้วอ้วน ทำอย่างไรดี
- รีวิวยี่ห้อยาคุม
ยาคุมกำเนิดคืออะไร
ยาคุมกำเนิดมีหลายประเภท ผู้ผลิตก็ทำออกมาเพื่อให้ตอบสนองต่อผลการรักษามากที่สุด ทั้งนี้โดยทางการแพทย์นั้นจะแยกการรักษาด้วยส่วนผสมของตัวยาที่อยู่ข้างใน ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้วจะมีส่วนผสมของฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสเตอโรน (progesterone) ดังนั้น เพื่อให้เราใช้ยาคุมอย่างถูกต้อง เราไปดูกันต่อว่ายาคุมมีกี่ประเภท
- ยาคุมกำเนิดเลียนแบบธรรมชาติ (sequential pills) – ยาประกอบไปด้วย 2 ชุด ชุดแรก 15-16 เม็ดมีฮอร์โมนเอสโตรเจน 100% ส่วน 4-5 เม็ดจะมีทั้งเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน เพื่อเลียนแบบธรรมชาติ แต่ยาคุมชนิดนี้มีผลข้างเคียงมาก และประสิทธิภาพการคุมกำเนิดยังไม่แน่นอน ปัจจุบันยาชนิดนี้ยกเลิกใช้แล้ว
- Mini pills – ใช้เมื่อประจำเดือนมีความผิดปกติ ยาทุกเม็ดมีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน แต่มีอยู่น้อยมาก ใช้รับประทานเมื่อต้องการเลื่อนประจำเดือน
- Postcoital or morning after pills – ใช้เมื่อต้องการคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในตัวยามีฮอร์โมนสูง ควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยคือเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยดีกว่า
เนื่องจากยาคุมมีหลายอย่างเพราะฉะนั้นจะบอกว่ายาคุมทุกชนิดทำให้ผิวพรรณดีขึ้นก็ไม่ถูกต้อง หากฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะ แน่นอนจะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งแต่ในขณะเดียวกันอาจจะทำให้เกิดฝ้า และมะเร็งเต้านมได้

รู้หรือไม่! IPL ช่วยลดการขับมัน ป้องกันสิวอุดตันได้
IPL ช่วยลดการขับน้ำมัน ป้องกันปัญหาไขมันอุดตันในรูขุมขนจนเกิดการสะสมของแบคทีเรีย P.acne ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวอักเสบ มีผลวิจัยทางการแพทย์รองรับ…สนใจเครื่อง IPL คุยกับ envi เลย Line@envithailand | Facebook@envithailand

ภาพแสดงการเกิดสิวอักเสบจากแบคทีเรีย P.Acne
การเกิดสิวอักเสบนั้น สาเหตุมาจากที่ชั้นผิวมีการขับไขมันออกมาตามรูขุมขนตามกระบวนการธรรมชาติ แต่รูขุมขนอุดตันด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น ความผิดปกติของเส้นขน หรือเครื่องสำอางเพราะทำความสะอาดไม่ดีพอ ทำให้ไขมันขับออกสู่ภายนอกไม่ได้จึงเกิดการสะสมจนเป็นสาเหตุให้เกิดแบคทีเรีย P.acne ซึ่งต่อมาจึงกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด ที่มารูป: euroclinix.net
แยกแยะสาเหตุปัญหาสิว
จากข้อมูลข้างต้น เนื่องจากยาคุมมีหลายประเภท หากนำมาใช้อย่างไม่เหมาะสมจะเกิดผลข้างเคียงจนผู้ใช้ยาอาจจะลืมเช็คอาการตัวเอง ดังนั้น เราไปฟังข้อมูลที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญจาก ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กันเถอะ
“ยาคุมที่ดีต้องมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนต้องบาลานซในสัดส่วนที่พอเหมาะ การใช้เอสโตรเจนเดี่ยวๆ ก็มีผลทำให้ผนังมดลูกหนาตัวมากไปทำให้โอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งทางระบบสืบพันธ์ ร่วมทั้ง เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงขึ้น ส่วนโปรเจสเตอโรน เป็นตัวที่เป็นแอนตี้แอนโตรเจน ตัวนี้ทานเข้าไปจะเกิดการคั่งของน้ำ บวมน้ำ สังเกตว่าเวลามีประจำเดือน เราจะรู้สึกว่าเราเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล หน้าอกใหญ่ขึ้น สะโพกผาย เพราะว่าน้ำคั่งขึ้นมานั่นเอง” ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์
กินยาคุมช่วยลดสิว? – คุณหมอให้คำแนะนำไว้ว่า ยาคุมตอบสนองได้ดีกับสิวที่เกิดจากฮอร์โมนเท่านั้น ดังนั้นเราเองต้องได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ก่อนว่าปัญหาสิวเราเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะการเกิดสิว มีสาเหตุหลายอย่าง เช่น เกิดจากต่อมไขมันทำงานเยอะเนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมน มีการอุดตันที่ผิวหนัง แบคทีเรีย P.acne เข้าไปทำให้เกิดการอักเสบ คุณหมอจึงมาแนะวิธีสังเกตคนไข้สิวโผล่จากสาเหตุฮอร์โมน
สิวฮอร์โมนสังเกตุอย่างไร
- สิวมักจะเห่อทุกรอบเดือนช่วงประจำเดือนมา จะมีสิวมาก พอประจำเดือนหมดสิวก็ยุบ พอประจำเดือนมาสิวก็เยอะอีก สิวพวกนี้จะตอบสนองจากฮอร์โมนค่อนข้างดี
- มีลักษณะคล้ายผู้ชาย มีขน หนวด ประจำเดือนเยอะ เราอาจจะพิจารณาใช้ยาคุมกำเนิดรักษา แต่ไม่ได้เป็นยาอันดับแรกที่หมอจะเลือก จะพิจารณาในรายที่เขาอยากจะคุมกำเนิดอยู่แล้ว และลักษณะเพศชายเยอะ มีสิวขึ้นทุกรอบเดือน ใช้ยาทา และรับประทานยาปฎิชีวนะไม่ดีขึ้น จึงจะให้กินยาคุม
แต่เพื่อให้มีผลการรักษาที่ดี ระยะเวลาในการกินยาคุมต้องทานติดต่อไปสัก 2-3 เดือน จึงจะเริ่มเห็นว่าสิวเริ่มลดลง ผิวดีขึ้น เพราะต่อมไขมันจะค่อยๆ ทำงานน้อยลง ดังนั้นหน้าจะมันน้อยลงด้วย
เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ IPL มีผลต่อสิวเช่นกัน แสงจาก IPL จะทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวบนผิวหน้า โดยการฆ่าแบคทีเรียชนิดนั้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการผลิตน้ำมันบนผิวได้อีกด้วย การศึกษาโดย Yeung (2007) พิสูจน์ได้ว่าสามารถลดรอยแผลจากสิวได้ 43% หลังทำการรักษา 4 ครั้ง และยังมีอีกการศึกษาจาก Chang ที่ประเมินว่าการเพิ่ม IPL เข้าไปควบคู่กับการรักษาสิวด้วยครีมรักษาสิวแบบมาตรฐาน จะช่วยให้ผิวบริเวณนั้นดูดีขึ้น
สำหรับคนที่ทานโรแอคคิวเทน (Roaccutane) หรือกรดวิตามินเอ จะทำให้รู้สึกว่าผิวหน้าแห้งไปเลยเพราะตัวยาจะเข้าไปลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้การอุดตัน และการอักเสบลดลง โดยไม่ได้ไปปรับฮอร์โมน แต่ข้อพึงระวังคือ ตัวยาชนิดนี้มีผลข้างเคียงอันตรายต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะหากประสงค์จะตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาต้องหยุดตัวยาอย่างน้อย 1 เดือน ดังนั้นโรแอคคิวเทนจัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย ต้องใช้โดยแพทย์เท่านั้น

ผลข้างเคียงยาคุม
เพื่อให้การใช้ยามีความปลอดภัยที่สุด คุณหมอจึงให้ข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังใช้ยานำไปเป็นข้อมูลเพื่อไว้ดูแลตัวเอง
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ น้ำหนักตัวเพิ่ม ปวดศีรษะ แบบไมเกรน
- ยาคุมบางชนิดทำให้สิวเห่อขึ้นได้ บางชนิดเป็นฝ้า
- ประจำเดือนมากระปริดกระปรอย โดยเฉพาะที่ผู้ที่ทานยาไม่ครบ
- มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ได้แก่เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวลมากขึ้น เป็นผลมาจากโปรเจสโตเจนสูง
- อาการข้างเคียงที่รุนแรง แต่พบไม่บ่อยคือ เส้นเลือดอุดตัน Deep vein thrombosis, และมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมสูงขึ้นกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานยาคุม
- มีผลต่อยาหลายตัว เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาละลายลิ่มเลือด และยาหลายตัวก็มีผลต่อยาคุม ทำให้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดลดลง

การกินยาคุมรักษาสิว และปรับฮอร์โมน
คนไข้มีอาการ Pcos ทำให้คุณหมอสั่งยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนและรักษาสิว คนไข้จึงได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเทอร์เน็ต พบคำแนะนำว่าการกินยาคุมเพื่อรักษาสิวนั้น หากหยุดกินจะยิ่งทำให้เป็นสิวมากขึ้น…เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล จึงให้คำแนะนำที่ถูกต้องไว้ ที่มารูป: http://www.fairviewcosmeticsurgery.com/acne-scars/birth-control-pills-help-cure-acne/
กรณีศึกษาการกินยาคุมรักษาสิว
กินยาคุมแล้วสิวขึ้นจริงหรือ? – ขออนุญาตตอบเฉพาะเรื่องยานะครับ ส่วนเรื่องอาการ PCOS แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาคุณจะดีกว่า เนื่องจากอาจต้องประกอบกับผลอัลตร้าซาวนด์ร่วมด้วย เรื่องของสิว ข้อมูลของบริษัทแจ้งว่า “อาจ” นะครับ ไม่ใช่ทุกรายที่จะกลับมาเป็นรุนแรงขึ้นเท่าเดิม และสาเหตุของสิวมีมากหลายสาเหตุทั้งเรื่องของการรับประทานอาหาร ที่ควรลดอาหารหวาน มัน จากการศึกษาวิจัยพบว่าสาเหตุที่ทำให้รับประทานชอคโกแลตแล้วเป็นสิว มักเป็นกับชอคโกแลตนม ที่มีการผสมน้ำตาล ยิ่งมาก ยิ่งขึ้นเยอะ และเป็นสิวอักเสบง่าย (สังเกตจากแผลผู้ป่วยเบาหวาน จะติดเชื้อง่าย แผลหายยาก และมักทำให้เป็นแผลเป็น)
- ปรับพฤติกรรมเรื่องอาหาร เช่น รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักสด ผลไม้กากใยสูงที่มีรสไม่หวานจัด ช่วยเรื่องควบคุมน้ำหนักและการขับถ่ายอีกด้วย เช่น ฝรั่งสุก มะละกอ กล้วยน้ำว้า หากมีอาการหิวระหว่างวัน อาจรับประทานแครอท หรือ คึนฉ่ายฝรั่ง จะช่วยให้ปากไม่ว่าง จะได้ไม่รู้สึกหิวอีกด้วย
- ออกกำลังกาย ควรเป็นแบบแอโรบิค เพื่อให้ร่างกายมีการกำจัดของเสียออกทางเหงื่อ สุขภาพแข็งแรง คุมน้ำหนักอีกด้วย
- ผ้าปูที่นอน ผ้าขนหนู ควรซักให้สะอาดและตากแดด เพื่อให้สะอาด ฆ่าเชื้อ
- เครื่องสำอาง เลือกชนิด comedone free, preservative & perfume free จะได้ลดสารแปลกปลอมที่คุณต้องสัมผัส
- จากฮอร์โมนเพศที่ร่างกายคุณผลิตออกมา เนื่องจากความผิดปกติของรังไข่ เมื่อมีฮอร์โมนโปรเจสตินเพิ่มขึ้น ก็อาจเป็นสาเหตุของสิวได้เช่นกัน
จากข้อมูลข้างต้น ยาคุมกำเนิดที่แพทย์ให้คุณรับประทานนั้น เพื่อรักษาอาการ PCOS และช่วยลดสิวที่เกิดจากฮอร์โมนเพศเท่านั้น หากยังคงรับประทานอาหารที่กระตุ้นให้เกิดสิวหรือใช้สบู่ แชมพูที่กระตุ้นให้ผิวมัน ก็จะทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน ช่วงนี้ควรต้องโฟกัสเฉพาะอาการ PCOS ก่อน ส่วนสิว ก็อาจจะค่อยลดความรุนแรงลงไป อาการที่คุณให้เพิ่มเติมมานั้น เป็นเพียงอาการจากการรับประทานยาคุมกำเนิด ส่วนใหญ่จะค่อยๆดีขึ้นเอง ภายใน 7-14 วัน
แนะนำให้รับประทานยาหลังอาหารเย็นทันที จะช่วยให้ร่างกายค่อย ๆดูดซึมยา จะช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้ และรับประทานให้ตรงเวลา คลาดเคลื่อน +/- ไม่เกิน 1 ชั่วโมง จะลดอาการทางเดินอาหาร และป้องกันไม่ให้เกิดอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือนด้วย ให้รับประทานยาทุกชนิดด้วย น้ำเปล่าสะอาด เท่านั้นนะครับ เนื่องจากเครื่องดื่มอื่น ๆ เช่น นม ชา กาแฟ ชาเขียว น้ำอัดลม น้ำแร่ อาจทำให้ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมเอาตัวยาไปใช้ได้
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคและการรักษา ควรสอบถามแพทย์ให้เข้าใจก่อนเริ่มต้นใช้ยานะครับ เพื่อทำความเข้าใจ ได้รับประโยชน์สูงสุด และไม่เกิดอันตรายจากการใช้ยา
อ้างอิง: คำแนะนำโดย เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล www.haamor.com
ทานยาคุมแล้วอ้วน ทำอย่างไรดี
- กินยาคุมฮอร์โมนแบบต่ำ ยาคุมมีหลากหลายประเภท หากพูดถึงในระดับของฮอร์โมนนั้นจะมีฮอร์โมนปริมาณที่สูงและต่ำ หากสาวๆกลัวกินยาคุมแล้วอ้วนแนะนำให้เลือกยี่ห้อที่มีปริมาณฮอร์โมนแบบต่ำ คือมีเอสโตรเจนในปริมาณ 0.02 mg ซึ่งจะช่วยลดภาวะข้างเคียงจากอาการบวมน้ำเพราะยาคุมได้ ตัวอย่างยี่ห้อยาคุมฮอร์โมนต่ำเช่น Yaz, Meliane
- ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ต้องยอมรับว่าผู้หญิงหลายคนที่เมื่อมีครอบครัวแล้วมักจะเริ่มปล่อยตัวอีกครั้ง ไม่เหมือนกับช่วงแรกที่เป็นแฟนกัน ประกอบกับช่วงกินยาคุมจึงทำให้รู้สึกว่าอ้วนขึ้น แม้แต่แพทย์ยังแนะนำว่าให้ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอเพราะไม่ได้เป็นเพียงการควบคุมน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาวซึ่งสำคัญมาก
- คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น สำหรับบางคนที่เกิดอาการบวมเพราะยาคุมอย่างมากจนกังวล แนะนำให้ใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การใส่ห่วง หรือถ้าหากเป็นคนที่ความจำดีก็ใช้วิธีการนับรอบเดือนก็ถือเป็นการคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติได้วิธีหนึ่ง
อ้างอิง: www.honestdocs.co

รูป: https://www.diariolaprovinciasj.com/elmundo/2015/12/16/bayer-juicio-pldoras-anticonceptivas-43026.html
รีวิวยี่ห้อยาคุม
หากพูดถึงแค่ “ยาคุมแบบกิน” ยังแบ่งออกเป็นหลายแบบหลายประเภท ก่อนที่คุณผู้หญิงจะซื้อยาคุมนั้นต้องทำความรู้จักกันให้ครบทุกประเภท เพื่อที่เลือกให้เหมาะสมและบอกกับเภสัชกรได้ถูกต้องค่ะ
ยาคุมประเภทฮอร์โมนรวม ยาคุมประเภทฮอร์โมนรวมมักแบ่งตามสัดส่วนฮอร์โมนเช่น 15, 20, 30 หรือ 35 ไมโครกรัม เพื่อให้เหมาะกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล บางคนเพิ่งเคยกินหากเลือกยาที่มีระดับฮอร์โมนสูงอาจเกิดการคลื่นไส้อาเจียน ประจำเดือนมากะปริดกะปรอย หรือแม้แต่บางคนที่เคยกินมาแล้วอาจเกิดอาการที่เรียกว่าไม่ถูกกับยาบางตัว เช่น บวมน้ำ รู้สึกว่าอ้วนขึ้น เป็นฝ้ากระ เป็นต้น ตัวอย่างยาคุมประเภทฮอร์โมนรวมที่นิยมมีดังนี้
- Yasmin ยาสมิน และ Justima จัสติมา (มี 21 เม็ด ตัวยา Drospirenone 3 mg. / EE 0.03 mg.) เป็นตัวยาที่มีความคล้ายคลึงกับธรรมชาติมาก ไม่ค่อยมีอาการบวมน้ำ สำหรับคนที่มีรูปร่างอวบใช้แล้วสบายใจ ผู้ที่ไม่เคยกินยาคุมมาก่อนสามารถใช้ได้
- Yaz ยาส (มี 28 เม็ด เม็ดฮอร์โมน 24 เม็ด ตัวยา Drospirenone 3 mg. / EE 0.02 mg.) ตัวนี้เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มักมีอาการหงุดหงิดก่อนมีประจำเดือน (หรือที่เรียกว่า PMS) แถมยังช่วยลดสิวที่เกิดจากฮอร์โมนได้ด้วย อาการข้างเคียงเช่นคลื่นไส้อาเจียน มีน้อย
- Diane-35 ไดแอน-35 (มี 21 เม็ด ตัวยา Cyproterone acetate 2 mg. / EE 0.035 mg.) เป็นตัวที่มีระดับเอสโตรเจนสูง (0.035 มิลลิกรัม) ฉะนั้นสำหรับบางคนจึงอาจเกิดการบวมน้ำ แต่ข้อดีคือดูมีน้ำมีนวล แถมยังมีฮอร์โมนที่ช่วยลดฮอร์โมนเพศชายในร่างกาย ทำให้ลดอาการผมมัน ผมร่วง หน้ามันและลดสิวจากฮอร์โมนได้ดีทีเดียว อาจมีอาการบวมน้ำได้ในบางราย สาวเจ้าเนื้อไม่แนะนำค่ะ
- PREME พรีม และ B-Lady บีเลดี้ (มี 21 เม็ดตัวยา Cyproterone acetate 2 mg. / EE 0.035 mg.) ตัวยาเหมือนกับ Diane-35 จึงมีสรรพคุณที่ใกล้เคียงกันมาก แต่ยาคุมที่มีระดับเอสโตรเจนสูงเหล่านี้ ก็อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้มากขึ้นด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออกกะปริดกะปรอย สำหรับคนที่ยังไม่เคยกินยาคุมมาก่อนไม่ควรทานค่ะ
- Meliane เมลลิแอน (มี 21 เม็ด ตัวยา Gestodene 0.075 mg. / EE 0.02 mg.) ปริมาณฮอร์โมนไม่มากเกินไปข้อดีคือเกิดอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียนต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยกินยาคุมมาก่อน หรือผู้ที่มีอาการ PMS ที่ชอบหงุดหงิดก่อนมีรอบเดือน รวมทั้งช่วยลดอาการบวมน้ำ
- Minidoz มินิดอซ (มี 28 เม็ด ตัวยา Gestodene 0.06 mg. / EE 0.03 mg.) ยาคุมกำเนิดกลุ่มนี้จะมีฮอร์โมน EE น้อย จึงช่วยลดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ได้ดี ช่วยลดสิว ช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ด้วย สำหรับคนที่ไม่เคยกินยาคุมสามารถเริ่มจากยากลุ่มนี้ได้
- Govana โกวานา (มี 21 เม็ด ตัวยา Gestodene 0.075 mg. / EE 0.03 mg.) และ Govana ED โกวานาอีดี (มี 28 เม็ด โดยที่ 21 เม็ดแรก ตัวยาเดียวกับโกวานา Gestodene 0.075 mg. / EE 0.03 mg. แต่จะมี 7 เม็ดสุดท้ายขนาดใหญ่กว่าเพิ่มเข้ามาที่ ไม่มีตัวยา) มีผลข้างเคียงน้อย ลดอาการปวดประจำเดือน ไม่ทำให้อ้วนบวมน้ำ และช่วยควบคุมสิว
ยาคุมประเภทให้นมลูก กล่าวคือ คุณแม่ที่อยู่ในช่วงระหว่างให้นมลูก ก็อาจจะต้องมีการคุมกำเนิดกันบ้าง แต่หากทานยาคุมประเภทฮอร์โมนรวมจะทำให้น้ำนมลูกไหลน้อยเกินไป จึงมียาคุมอีกประเภทหนึ่งเป็น “ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว” คือมีโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว สำหรับหญิงให้นมบุตรโดยเฉพาะ
ยี่ห้อที่ได้มักพบเห็นกันบ่อยในท้องตลาดคือ Cerazette เซราเซ็ท 28 เม็ด / กล่อง. Exluton 28 เม็ด / กล่อง และ Dailyton เดลีตัน 28 เม็ด / กล่อง เหมาะกับสตรีให้นมบุตร หรือคนแพ้ยาคุมง่าย คนกลัวฝ้าก็ทานได้ ด้านหลังของยาจะเหมือนกันคือมีการเรียงลำดับตามลูกศรตามวันในสัปดาห์ สามารถเริ่มตามวันให้ตรงกับแผงยาได้เลย หรือเริ่มกินเมื่อประจำเดือนมาวันแรกเหมือนยาคุมทั่วไป
ยาคุมชนิดฉุกเฉิน ฟังดูจากชื่อก็ชัดเจนว่ายาคุมนี้ต้องใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งอาจ ใช้เมื่อไม่ได้กินยาคุมกำเนิดแบบปกติอยู่และมีเหตุฉุกเฉินในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์นั้น เช่นเกิดเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจ ถุงยางรั่ว หรือเหตุการณ์ที่วัยรุ่นหลายคนมักใช้กันบ่อย ๆ ก็คือตอนเมานั่นเอง
ยาคุมฉุกเฉินกลุ่มนี้ เช่น Madonna, Postinor วิธีที่ถูกต้องก็คือกินให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือภายใน 72 ชั่วโมง ตัวยามี 2 เม็ด สามารถกินได้ 2 แบบคือ
กินพร้อมกัน 2 เม็ดได้เลยหากคิดว่าไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือกินตอนเช้า 1 เม็ด และอีก 1 เม็ดให้กินหลังจากนั้น 12 ชั่วโมง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นคือ อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือมีประจำเดือนตามมาแบบกะปริดกะปรอยเนื่องจากมีตัวยาที่แรง หลังจากนั้นในรอบเดือนถัดไปจะมีประจำเดือนตามปกติ สิ่งสำคัญคือยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้ไม่ควรกินเกินเดือนละ 2 กล่อง เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้
อ้างอิง: www.honestdocs.co
บทสรุปการกินยาคุมให้ถูกต้อง
“จะพูดว่า กินยาคุมแล้วผิวเปล่งปลั่งก็ไม่ได้ หรือจะบอกว่ากินยาคุมแล้วรักษาสิวก็ไม่ได้ กินยาคุมแล้วจะเกิดฝ้าก็ไม่ใช่ อันนี้แล้วแต่ชนิดของยาคุมด้วยค่ะ เพราะยาคุมตอบสนองได้ดีกับสิวที่เกิดจากฮอร์โมน เท่านั้น ดังนั้นเราเองต้องได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ก่อนว่าปัญหาสิวเราเกิดจากสาเหตุอะไร” ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์
จุดประสงค์การใช้ยาคุมกำเนิดเป็นการใช้เพื่อป้องกันการมีลูก หรือลดอาการปวดประจำเดือน และเลื่อนการมีประจำเดือนในบางเวลาออกไปเท่านั้น ผู้ที่กินยาคุมแล้วผิวสวย ไร้สิวฝ้า เป็นเพียงผลข้างเคียงจากฤทธิ์ยา ไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ในการใช้
การใช้ยาคุมเพื่อหวังผลให้รักษาสิว ผิวขาว ลดขนดก เหมือนกับการขี่ช้างจับตั๊กแตน เพราะการใช้ฮอร์โมนไปนาน ๆ โดยไม่มีข้อบ่งชี้ อาจทำให้เกิดมะเร็งเต้านมในเพศหญิง หรือเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย และเกิดผลเสียในระยะยาวได้
การที่จะมีผิวขาวใสอยู่ที่การดูแล อย่าให้ผิวแห้ง หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ใช้ยากันแดด สวมเสื้อผ้าที่ปกปิด หมวก ร่ม ช่วยกันแดด รับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงๆ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด ไม่สูบบุหรี่” คุณหมอสุวิรากรเผยกลเม็ดผิวสวยหน้าใสไร้สิวปิดท้าย
อ้างอิง: www.manager.co.th | เรียบเรียงโดย: คุณแก้มใส
แก้มใสแนะนำบทความน่าอ่าน

รู้หรือไม่! IPL ที่รักษาสิวด้วยพลังงานแสง มีความปลอดภัย ช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้กว่า 70%
สนใจดูเครื่อง envi IPL คลิกเลย ซื้อผ่าน Line@envithailand รับส่วนลดพิเศษทันที