การรักษาสิวได้ก้าวหน้าไปมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อมีการริเริ่มนำเทคโนโลยีเลเซอร์มาใช้กับผิวหนัง การรักษาด้วยพลังงานแสงความเข้มสูง หรือ IPL ได้กลายมาเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพและสามารถรักษาอาการสิวอักเสบได้ตั้งแต่ระดับอ่อนถึงปานกลาง นอกจากการกำจัดสิว ตุ่มหนอง และ ลดการอักเสบแล้ว การรักษาใบหน้าด้วย IPL ยังมีประโยชน์ในการรักษารอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวบนใบหน้าได้อีกด้วย แผลเป็นอาจจะเป็นสิ่งที่โชคร้ายและมักจะเกิดขึ้นตามมาในผู้ที่เป็นสิวเรื้อรัง
[one-third-first]

- สาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ
- ใครบ้างมีโอกาสเป็นสิวอักเสบ
- วิธีการรักษาสิวอักเสบด้วย IPL
- ใครที่ไม่แนะนำให้ใช้ IPL
- การรักษาด้วย IPL ทำงานอย่างไร
- ใช้ IPL ได้บ่อยแค่ไหน
- ตัวอย่างผลลัพธ์การรักษา
สาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ
สิวเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่มักเกิดได้ทั่วไป เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมัน สิวมักจะเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังไม่สามารถขับน้ำมันให้ไหลออกมาได้ปกติ สิวจะเกิดที่รูขุมขนใต้ผิวหนัง ลึกลงไปในแต่ละรูขุมขนก็จะพบต่อมไขมันที่ทำหน้าที่ผลิตไขมัน (sebum) ไขมันนี้จะทำให้ผิวนุ่มและชุ่มชื้น ระหว่างที่มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วจะถูกขับออกมาภายนอกผิว กระบวนการผลิตเซลล์ผิวใหม่จะเกิดภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามจะมีบางคนที่เซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่สามารถถูกขับออกมาภายนอกได้ เซลล์ผิวที่ตายแล้วก็จะไปจับกับน้ำมันและก้อนไขมัน กลายเป็นก้อนเหนียวที่อุดตันรูขุมขน ซึ่งก้อนนี้จะจับน้ำมันและแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวที่เรียกว่า Propionibacterium acnes (P.acne) อยู่ภายในรูขุมขนซึ่งทำให้เกิดการอักเสบกลายมาเป็นสิว
“สิวเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่มักเกิดได้ทั่วไป เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมัน สิวมักจะเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังไม่สามารถขับน้ำมันให้ไหลออกมาได้ปกติเพราะเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตัน และจับกับน้ำมันและก้อนไขมัน กลายเป็นก้อนเหนียวอุดตันรูขุมขน เกิดแบคทีเรีย P.acne”
ในสภาวะไร้ออกซิเจนภายในรูขุมขนจะก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบในการสืบพันธ์เพื่อเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว Propionibacterium acnes และปล่อยสารพอร์ไฟริน (Porphyrin) ออกมา การเกิดสิวจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนที่สิวจะปรากฏขึ้นมาบนผิวหนัง ในช่วงวัยรุ่น ฮอร์โมนจะเร่งการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันให้ขับออกมาอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ผิวของวัยรุ่นมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นสิวได้มากกว่า
ใครบ้างมีโอกาสเป็นสิวอักเสบ
ถึงแม้เรื่องสิว ๆ จะไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่สิวมักจะทำให้เกิดแผลทางอารมณ์มีผลกระทบกับความภาคภูมิใจในตนเองและลดความมั่นใจในตนเอง และหากปล่อยไว้ไม่รักษาก็จะทำให้เกิดแผลเป็นได้
- ช่วงอายุ – ระหว่าง 10-13 ปี และอาจเป็นไปอีก 5-10 ปี พบในวัยแรกรุ่นช่วงระยะสืบพันธุ์
- เพศ – ชายและหญิงมีโอกาสเกิดสิวได้พอ ๆ กัน วัยรุ่นชายจะมีโอกาสเกิดการอักเสบและเป็นนานกว่า
- ฮอร์โมน – ช่วงอายุ 20-25 ปี แต่บางครั้งสิวฮอร์โมนจะยังคงอยู่ต่อไปจนอายุมากกว่า 30 ปีในเพศหญิง
ในสหรัฐอเมริกา การรักษาและยาที่ใช้รักษาสิวมีมูลค่ามากกว่า 1.4 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในหลาย ๆ เคส เงินที่จ่ายไปในการรักษาสิวกลับให้ผลที่ประทับใจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป โชคร้ายที่สิวบางครั้งอาจจะรักษาได้ยาก การบำบัดแบบดั้งเดิมมักจะเกิดผลข้างเคียงหลายอย่างและอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี การรักษาเฉพาะจุดก็เป็นสาเหตุให้เกิดอาการแดง ผิวหนังจะไวต่อสิ่งเร้าและเกิดการอักเสบ การรักษาโดยการให้ยาจากแพทย์ เช่น ยาปฏิชีวนะ จะใช้เวลาประมาณอย่างน้อย 3 เดือนโดยต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ถึงจะได้เห็นผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ และบ่อยครั้งจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ 2 หรือ 3 หรือ 4 รอบ การรับประทานยาชีวนะก็อาจะทำให้เกิดอาการปวดในระบบทางเดินอาหารทำให้ผิวไวต่อแสง ทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มติดเชื้อยีสต์ได้ จากการศึกษาค้นคว้าชี้ให้เห็นว่า 40% ของแบคทีเรียตามผิวหนังจะเกิดอาการดื้อยาปฏิชีวนะ ทำให้การใช้ยาปฏิชีวนะจึงไม่ใช่อาวุธที่น่าเชื่อถือในการต่อสู้กับสิว
วิธีการรักษาด้วย IPL
การรักษาด้วย IPL เป็นการปฏิวัติการรักษาสิวซึ่งเป็นตัวเลือกที่ใช้ในการรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพในผู้ป่วยหลาย ๆ คน IPL จะเข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียทั่ว ๆ ไปได้เกือบทั้งหมดโดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวโดยไม่ต้องใช้ยาในการรักษา ไม่เกิดอาการเจ็บปวด และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ความยาวคลื่นแสงที่เหมาะสมโดยเฉพาะแสงสีแดงและเขียว ที่จะแทรกผ่านลึกลงไปยังเชื้อแบคทีเรีย P. Acnes ที่อยู่ในรูขุมขนได้ โดยการไปกระตุ้นสาร พอร์ไฟรินให้ทำงาน นอกจากนี้การจะทำลายเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในผิวหนังซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวนั้น IPL จะตรงไปยังต่อมไขมันที่เป็นสาเหตุให้เกิดสิวเป็นหนองอีกด้วย ความร้อนที่เกิดขึ้นลึกไปยังผิวหนังจะช่วยลดการอักเสบของต่อมไขมัน และช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินไป การฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วย IPL ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสิวที่เป็นอยู่ในขณะนั้น แต่ยังสามารถช่วยป้องกันการเกิดสิวในอนาคตได้ นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงผิวที่มีจุดคล้ำที่มองเห็นได้และรอยแผลเป็นที่ไม่มากได้อีกด้วย
การรักษาด้วย IPL เป็นการปฏิวัติการรักษาสิวซึ่งเป็นตัวเลือกที่ใช้ในการรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพในผู้ป่วยหลาย ๆ คน IPL จะเข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียทั่ว ๆ ไปได้เกือบทั้งหมดโดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acne) ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวโดยไม่ต้องใช้ยาในการรักษา ไม่เกิดอาการเจ็บปวด และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น
คนไข้ที่มีแนวโน้มผิวเป็นสิว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการช่วยลดแผลบนใบหน้าที่เกิดจากสิว ทำให้หน้าใสขึ้นจะใช้ IPL คู่กับการรักษาด้วยแฟรคชันนัลเลเซอร์ (Fractional laser) ซึ่งคุณสามารถที่จะสลับใช้ IPL หรือ แฟรคชันนัลเลเซอร์ ได้ทุก 4 สัปดาห์ หรือจะใช้คู่กันในการรักษาก็ได้
IPL จะเป็นการรักษาสิวที่ปลอดภัยที่สุดในขณะนี้เนื่องจากไม่มีผลข้างเคียง ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาสิวอักเสบระดับปานกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยกว่าการเลือกรับประทานยา Accutane นอกจากนี้ IPL ยังได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับใช้ในการรักษาสิวอีกด้วย
ใครที่ไม่แนะนำให้ใช้ IPL
การรักษาด้วย IPL จะเป็นแบบ non-invasive (ไม่ลุกล้ำ ไม่ทำให้เจ็บ) ทำให้ IPL กลายเป็นตัวเลือกในอุดมคติของคนไข้หลาย ๆ คน แต่ก็มีคนไข้บางคนที่ไม่ควรได้รับการรักษาผิวหนังด้วยวิธีนี้
- คนไข้ที่มีโทนผิวสีเข้ม หรือ มีผิวเข้มในระดับสูงตามที่ Fitzpatrick ได้กำหนดไว้จะไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีนักในการรักษาและยังมีความเสี่ยงสูงที่ผิวจะเข้มขึ้น เกิดจุดด่างดำ (hyperpigmentation) หรือ ผิวซีดขึ้น เป็นรอยด่าง (hypo pigmentation) IPL
- ผู้ป่วยที่เพิ่งทำผิวสีแทน รวมไปถึงการใช้สเปย์ที่ทำให้ผิวมีสีแทน คนไข้ที่เพิ่งทำผิวสีแทนหากต้องการที่จะใช้ IPL ควรรอหลังจากที่ทำสีผิวมาแล้วอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ตั้งแต่มีการใช้พลังงานแสงและ Laser มาจัดการกับเมลานิน มันก็มีความเสี่ยงที่ไม่ได้ตั้งใจเพิ่มขึ้น ซึ่งในเคสนี้ การรักษาด้วย IPL อาจจะทำให้เกิดการไหม้หรือเป็นจุดคล้ำได้ และอาจจะให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่น้อยกว่าที่ตั้งไว้
- คนไข้ที่รับประทานยา Accutane® ไม่ควรใช้ IPL หากต้องการใช้ควรหยุดยาไปแล้วอย่างน้อย 6 เดือน
- คนไข้ที่มีแนวโน้มจะเป็นแผลคีลอยด์ (keloid) หรือแผลเป็นนูนเกิน (hypertrophic scarring) ควรแจ้งข้อมูลอย่างละเอียด เนื่องจากจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บที่ผิวหนังซึ่งเป็นผลมาจากการใช้พลังงานแสงหรือเลเซอร์ในการรักษา สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่นำมาใช้ในการตัดสินใจของพวกเขาเองหากต้องการที่จะรักษา
- หญิงตั้งครรภ์ควรเลื่อนการรักษาไปก่อน รอให้คลอดก่อน
- ผู้ที่ไวต่อแสงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรักษา
การรักษาด้วย IPL ทำงานอย่างไร
ขณะรักษาด้วย IPL พลังงานแสงที่มีความเข้มสูงขนาดสั้นจะถูกปล่อยออกมาจาก handpiece ไปยังผิวหนัง เมื่อผิวหนังดูดซึมพลังงานแสงเข้าไป จะเกิดความร้อนและจะรู้สึกเหมือนโดนหนังยางยิงใส่ในชั่วขณะหนึ่ง การรักษาด้วย IPL จะใช้เวลาสั้น ๆทั่วไป ประมาณครั้งละ 20-30 นาที และคนไข้ส่วนมากต้องได้รับการรักษาประมาณ 4-6 ครั้งจึงจะบรรลุผลตามต้องการ
ผลลัพธ์การรักษา
คุณสามารถคาดการณ์ไว้ได้ว่าจะเกิดความรู้สึกเหมือนโดนแดดเผาเบา ๆ อาจจะมีอาการบวมเล็กน้อยร่วมด้วยเป็นระยะเวลาประมาณ 2-24 ชม. และสามารถใช้เจลหรือแพ็คน้ำแข็งเพื่อบรรเทาอาการได้ อาจจะมีสิวเกิดขึ้นคล้าย ๆ กับที่เคยพบเมื่อทำการลอกผิวหรือการเริ่มต้นใช้ยาเฉพาะทางหรือรับประทานยารักษาสิว สิวบางเม็ดอาจจะกลายเป็นสีแดงได้ ซึ่งสิวจะหายได้เองหลังจาก 2-3 สัปดาห์ การยับยั้งไม่ให้เกิดการบาดเจ็บสามารถคาดการณ์ไว้ได้ขึ้นอยู่กับคอร์สการรักษาของคุณ
ใช้ IPL ได้บ่อยแค่ไหน
ความถี่ของการรักษาจะพิจารณาจากระดับความรุนแรงของสิวของคนไข้ หรืออาจจะพิจารณาจากประสบการณ์การเกิดสิวของคนไข้ หรือพิจารณาสิวหรือแผลเป็น ขอแนะนำว่าควรจะรักษา 6 ครั้ง โดยทำซ้ำทุก 1-2 เดือนเพื่อให้ได้ผลที่มีประสิทธิภาพในการปรับสภาพสีผิว แผลเป็นที่ไม่ต้องการ และการปรับแน้วโน้มการเกิดสิวให้กลับมาปกติ การทำซ้ำจะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น กระตุ้นการเกิดคลอลาเจน และหมดปัญหาเรื่องสิว
ความแตกต่างที่คุณจะสังเกตเห็นได้
เมื่อทำการรักษา คุณสามารถคาดหวังได้ว่าจะเกิดสิวน้อยลง และผิวดูกระจ่างใสขึ้น หากคุณมีจุดด่างดำ หรือโดนแดดทำร้ายผิว ซึ่งการรักษานี้จะช่วยลดอาการดังกล่าวทำให้ผิวดีขึ้น ทั้งหมดนี้ก็จะทำให้คุณมีผิวที่สว่างกระจ่างใสขึ้น
ตัวอย่างผลการรักษา






ประโยชน์ของการรักษาสิวและแผลเป็นด้วย IPL
ถึงแม้ว่าการรักษาด้วย IPL นี้อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน แต่การรรักษาใบหน้าด้วย IPL เป็นตัวเลือกแบบไม่ต้องผ่าตัดหรือไม่ทำให้บาดเจ็บ (non-invasive) ที่เยี่ยมมากสำหรับคนไข้ที่ต้องการรักษาสิวหรือลดรอยแผลเป็น การรักษาสิวเฉพาะจุดมีแนวโน้มที่จะเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวและบางครั้งก็เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วเท่านั้น
การรักษาด้วย IPL จะช่วยให้คุณไม่ต้องพึ่งพาการรักษาเฉพาะจุดและการใช้ยา การบำบัดด้วย IPL จะทำให้คนไข้สามารถแก้ไขปัญหาผิวหนังและไม่ทำให้เกิดปัญหาซ้ำอีก ความรู้สึกไม่สบายตัวเพียงเล็กน้อยที่เกิดจากขั้นตอนการรักษาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา ผลข้างเคียงก็น้อยมากและเกิดได้ยาก อาการแดงที่เกิดขึ้นตรงบริเวณที่รักษาก็จะปรากฏไม่นาน สามารถกลับมาเป็นปกติได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง แผลเป็นที่เกิดจากสิวจะส่งผลกระทบได้ทั้งสีและผิวสัมผัสบนผิวหนัง แผลเป็นอาจจะเกิดเป็นรอยบุ๋มเล็ก ๆ บนผิวหนังหรือเนื้อเยื้อแผลเป็นนูนขึ้นมา ทั้ง 2 เคสนี้ แผลเป็นมักจะทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ปรากฏในรูปของรอยแดง หรือ จุดด่างดำ เนื่องจาก IPL มีเป้าหมายเฉพาะเซลล์เม็ดสี การรักษาด้วย IPL จึงมีผลการเปลี่ยนสีผิวด้วยเช่นกัน ส่งผลให้สามารถลดรอยแผลเป็นที่มองเห็นได้อย่างรวดเร็วและช่วยให้ผิวหน้ามีสีผิวสม่ำเสมอ แต่ IPL จะไม่ช่วยให้แผลเป็นเรียบเนียนขึ้นหรือทำให้แผลเป็นตื้นขึ้นได้
การรักษาด้วย IPL จะช่วยให้คุณไม่ต้องพึ่งพาการรักษาเฉพาะจุดและการใช้ยา การบำบัดด้วย IPL จะทำให้คนไข้สามารถแก้ไขปัญหาผิวหนังและไม่ทำให้เกิดปัญหาซ้ำอีก

สิ่งสำคัญที่ควรหลีกเลี่ยงในการรักษาสิว
- อย่าทำความสะอาดมากเกินไป หรือขัดผิวแรงด้วยผลิตภัณฑ์ที่คม หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่แรงเกินไป โปรดจำไว้ว่าสิวไม่ได้เกิดจากความสกปรก สิ่งสำคัญคือควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ผิวหนังที่ตายแล้ว และน้ำมันส่วนเกินบนผิวของคุณ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เนื่องจากเป็นสาเหตุทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่กระชับผิวหลาย ๆ ตัวมักจะมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวแห้งและเกิดการระคายเคือง
- ในระหว่างที่เกิดสิว ควรหลีกเลี่ยงการใช้รองพื้น แป้ง หรือ ปัดแก้ม หากคุณต้องแต่งหน้าให้ลบออกให้หมดในตอนเย็น ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกเครื่องสำอางแบบปราศจากน้ำมัน (oil-free) ที่ไม่ใส่สีและสารเคมี ให้เลือกเครื่องสำอางที่ติดฉลากไว้ว่า “ไม่ทำให้ผิวอุดตัน (noncomedogenic)” ซึ่งหมายความว่าจะไม่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว และแต่งหน้าเท่าที่จำเป็น
- โปรดระวังเหงื่อ การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายมีอุณภูมิสูงขึ้นและการกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ดังนั้นควรทำความสะอาดร่างกายหลังจากที่ออกกำลังกายแล้ว
- เวลาเกิดสิว หลีกเลี่ยงการใช้มือไปจับหน้า เท้าคางหรือแก้ม ไม่เพียงแต่จะเป็นการแพร่เชื้อแบคทีเรียแล้วยังทำให้เกิดการระคายเคืองจนทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ ห้ามบีบหรือแกะสิวด้วยนิ้วมือ เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อจนเกิดการอักเสบมากขึ้นและเกิดแผลเป็นถาวร
แผลเป็นมักจะทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ปรากฏในรูปของรอยแดง หรือ จุดด่างดำ เนื่องจาก IPL มีเป้าหมายเฉพาะเซลล์เม็ดสี การรักษาด้วย IPL จึงมีผลการเปลี่ยนสีผิวด้วยเช่นกัน ส่งผลให้สามารถลดรอยแผลเป็นที่มองเห็นได้อย่างรวดเร็วและช่วยให้ผิวหน้ามีสีผิวสม่ำเสมอ แต่ IPL จะไม่ช่วยให้แผลเป็นเรียบเนียนขึ้นหรือทำให้แผลเป็นตื้นขึ้นได้
สนใจสั่งซื้อเครื่อง iPL

FB : @envithailand
Line : @envithailand
Email : support@envithailand.com
Website: รายการสินค้า
Call : 02-105-4259 (จันทร์ – ศุกร์ 8.00 – 20.00 หรือ เสาร์ – อาทิตย์ 8.00 – 18.00)