งานวิจัยการใช้ IPL ฟื้นฟูผิว ลดรอยสิว กำจัดขน
คุณอาจจะไม่ใช่คนแรกที่ต้องการนำ IPL ไปใช้งาน แต่ติดอยู่ที่ยังไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้จริงหรือไม่
envi ได้รวบรวมบทความเชิงวิชาการจากนักวิจัย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันต่างๆ มาให้คุณได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจว่า IPL ช่วยคุณแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ และนอกจากงานวิจัยฯ ต่างๆ แล้ว envi ก็ยังมีประสบการณ์จากผู้ที่ใช้งานจริง มาแบ่งปัน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ได้นำ IPL ไปใช้รักษาผิวในลักษณะต่างๆ ผลลัพธ์ของการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมแต่ละบุคคล ความสำเร็จจากการรักษาของคนๆ หนึ่งนั้น ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ว่าจะได้ผลกับอีกคนหนึ่ง ทั้งนี้นี้โปรดใช้วิจารณญาณในการศึกษาข้อมูล
“ผลลัพธ์ของการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมแต่ละบุคคล ความสำเร็จจากการรักษาของคน ๆ หนึ่งนั้น ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ว่าจะได้ผลกับอีกคนหนึ่ง”
สถาบัน JB cosmetic
บทความทางวิชาการจากสถาบัน James P. Bonaparte, MD, MSC, FRCS (C) ได้รวบรวมงานวิจัยเกี่ยวกับการนำ IPL มาใช้รักษาและฟื้นฟูผิวจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ
บทความส่วนหนึ่งจากงานวิจัย IPL รักษารอยสิวและป้องกันสิวอักเสบ
“Interestingly, IPL also has an effect on acne. The light from IPL interacts with bacteria in the skin that is prominent in acne that can kill the bacteria. Also, it can reduce the amount of thick oil the skin produces. A study by Yeung (2007) demonstrated a 43% reduction in acne lesions after 4 treatments. Another study by Chang assessed whether adding IPL to standard cream based acne treatment would improve the appearance of the skin. The study noted that if you add IPL to benzoyl peroxide, you can get up to a 63% improvement in red lesions, irregular color and skin tone.
The one issue with acne treatment is that long term treatments have not yet been conducted. However, there is moderate to strong evidence for Acne treatment with IPL according to the study by Wat et al (2014).”
ที่น่าสนใจ IPL ยังมีผลต่อสิว แสงจาก IPL มีปฏิสัมพันธ์กับแบคทีเรียในผิวหนังที่เป็นสิวเพราะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในชั้นผิวได้ จากผลการวิจัยโดย Yeung (2007) แสดงให้เห็นถึงการลดแผลสิว 43% หลังจากได้รับการรักษาตั้งแต่ 4 ครั้งเป็นต้นไป การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งของ Chang ประเมินว่าหากใช้ IPL รักษาพร้อมกับการใช้ครีมที่ช่วยรักษาสิวจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้มีผลดีขึ้นหรือไม่ จากการศึกษาพบว่าถ้าคุณใช้ IPL พร้อมกับผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มี benzoyl peroxide ผิวจะได้รับการฟื้นฟูให้เห็นผลดีขึ้นกว่าการรักษาด้วย IPL เพียงอย่างเดียวถึง 63% โดยเฉพาะผิวที่มีรอยแดง และผิวที่มีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ปัญหาหนึ่งของการเกิดสิวคือ ไม่มีการรักษาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมีหลักฐานการศึกษาของ Wat et al (2014) ว่า IPL มีผลช่วยป้องกันการเกิดสิวอักเสบได้
IPL สามารถรักษาอะไรได้บ้าง?
การเข้ารับการรักษาโดยส่วนมากแล้วจะเป็นปัญาเรื่อง สิว, ฝ้ากระ (จุดสีน้ำตาลและสีแดง), รอยแดงจากเส้นเลือดแดงฝอย, เส้นขนที่ไม่พึงประสงค์, ฝ้าแดด (รอยสีน้ำตาล), รอยแผลเป็นสีแดง และการเปลี่ยนแปลงของสีผิวแบบอื่น ๆ ที่เหมือนการเกิดโรคหน้าแดง (โรคโรซาเซีย)
หนึ่งในบทความสำคัญที่ใช้อ้างอิงเขียนโดย Babilas ตีพิมพ์ในปี 2010 ในวารสาร Lasers in Surgery and Medicine นอกจากนี้ ยังเพิ่มการวิจารณ์ผลงานวิจัยจากบทความอันยอดเยี่ยมของ Wat et al (2014) เข้าไปอีกด้วย และนี่คือบทความใหม่ที่เหล่านักวิจัยได้ผ่านการตรวจสอบและประเมินผลอย่างเป็นระบบบทความที่ตีพิมพ์ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการรักษาด้วยวิธี IPL ซึ่งโดยรวมแล้วนักวิจัยได้ทำการศึกษาผลลัพธ์ในการรักษาด้วย IPL ทั้งหมด 127 กรณี การศึกษานี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจัดระดับคะแนนของผลการวิจัยได้หลากหลายระดับ เช่นระดับสูงปานกลางและต่ำซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราต้องแนะนำผลงานวิจัยที่แสนจะทรงพลังนี้ให้กับคุณ
กำจัดขน
IPL จะทำงานบนเส้นขนโดยการส่งผ่านความร้อนไปยังเม็ดสีหรือบริเวณฐานของต่อมรากขน ซึ่งแสงความร้อนนี้จะทำให้ปลายของต่อมรากขนตาย ซึ่งข้อจำกัดในการใช้ IPL ในการกำจัดขนนั้นก็คือ จะสามารถทำลายได้เฉพาะเส้นขนที่อยู่ในระยะเติบโต (Growth State) เท่านั้น โดยธรรมชาติแล้วเส้นขนจะมีทั้งระยะเติบโตและระยะพักตัว และเฉพาะเส้นขนที่อยู่ระยะเติบโตเท่านั้นที่จะได้รับการกำจัดด้วย IPL นี่คือคำตอบว่าทำไมจึงจำเป็นต้องทำการรักษาหลายครั้ง และเส้นขนไม่ถูกกำจัดได้ทั้งหมดด้วย IPL เพียงครั้งเดียว อีกข้อจำกัดที่สำคัญก็คือ เส้นขนที่มีสีเข้มจะถูกกำจัดได้ดีกว่าเส้นขนที่มีสีอ่อน เพราะเส้นขนที่มีสีอ่อนจะไม่มีเม็ดสีที่จะดูดซับพลังงานแสงของ IPL ทำให้ถูกกำจัดได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ที่ผ่านมามีการศึกษามากมายหลายครั้งเกี่ยวกับการกำจัดเส้นขนด้วย IPL และหนึ่งในนั้นคือการศึกษาของ Toosie ( et al 2006) ที่มีการบันทึกไว้ว่า หลังจากการกำจัดขนด้วย IPL 3-4 ครั้ง เราจะพบถึงข้อได้เปรียบของ IPL เมื่อเทียบกับการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ โดย IPL สามารถลดการเกิดขนได้ถึง 67% และยังแสดงให้เห็นว่ามีโอกาสการเกิดผลข้างเคียงที่ต่ำกว่าการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ
ยังมีอีกการศึกษาของ Feng et al (2008) ที่กล่าวถึงข้อเท็จจริงที่ว่า IPL มีประสิทธิผลต่อการกำจัดเส้นขนและมีความปลอดภัยต่อผู้รับการรักษาที่มีโทนสีผิวตั้งแต่สีน้ำผึ้งไปจนถึงผิวสีน้ำตาลเข้ม หลังจากทำการรักษาไป 4ครั้ง พบว่าสามารถลดการเกิดเส้นขนได้ถึง 84% โดยไม่พบว่าทำให้สีผิวเปลี่ยนหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ยังคงมีบางคนที่ไม่ใช้ IPL กับผู้รับการรักษาที่มีโทนผิวสีเข้มเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยด่างบนผิว
โดยรวมแล้ว IPL ให้ประสิทธิผลที่สูงมากในการกำจัดเส้นขน ทั้งด้านความปลอดภัยที่เป็นเลิศและการเห็นผลการรักษาที่ชัดเจน หากทำโดยวิธีการที่ถูกต้อง
ความผิดปกติของเม็ดสี – จุดด่างดำ สีน้ำตาลและสีแดง

ซึ่งใช้ IPL รักษาได้ ที่มารูป: สถาบัน JB cosmetic
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณจะทำการรักษาเกี่ยวกับจุดด่างดำสีน้ำตาลและสีแดง สิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือการเข้ารับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้คุณแน่ใจได้ว่าจุดด่างดำเหล่านั้นไม่ใช่สัญญาณของโรคมะเร็งผิวหนัง แม้ว่าจะเจอได้ยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดที่จะทำ
ข้อควรรู้ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ IPL ไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุดสำหรับ ไฝ มันสามารถรักษาได้ แต่ก็ไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุด ที่ควรจะเลือกเป็นอันดับแรก IPL สามารถรักษาจุดสีน้ำตาลอื่นๆ ได้แต่ไม่ใช่กับไฝ
ฝ้า (จุดด่างดำที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง) และ กระผู้สูงอายุ (จุดด่างดำที่เพิ่มมากขึ้นตามวัย) สามารถรักษาได้โดยการใช้ IPL มีการศึกษามากมายที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลที่ดีในการรักษา อย่างการศึกษาของ Li (2008) บันทึกไว้ว่า สีของรอยด่างดำของผู้ที่รับการรักษาลดลงไป 50% ในการรักษา 2-3 รอบ และอีกหนึ่งการศึกษาของ Galeckas (2008) ก็ให้ผลไปในทิศทางเดียวกัน โดยรายงานผลการรักษาที่ IPL ช่วยลดรอยด่างดำไปได้ 82% หลังทำการรักษาไป 3 รอบ
สุดท้ายนี้อย่างหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้คือ หลังจากได้ทำการประเมินผลการศึกษาวิจัยทั้งหมดแล้ว พบว่ามีงานวิจัยในระดับปานกลางที่สนับสนุนประสิทธิผลของ IPL ในการรักษาจุดสีน้ำตาลที่เกิดจากแสงแดดและจุดด่างดำที่เกิดขึ้นตามวัย อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ก็ชัดเจนเพียงพอที่จะสนับสนุนว่า IPL มีประสิทธิผลที่ดีในการรักษาฝ้า (ที่มักพบได้บ่อยขณะตั้งครรภ์) ซึ่งทั้งสองกรณีนี้ มีความเสี่ยงในเรื่องภาวะแทรกซ้อนต่ำและมีโอกาสสูงที่จะช่วยให้ฝ้าจางหายได้
รอยแดงจากเส้นเลือดแดงฝอย

มีรอยแดงจากหลอดเลือดแดงฝอยหลกาหลายประเภท และผมจะพยายามที่จะพูดแบบครอบคลุมถึงกรณีที่พบได้มากที่สุด IPL ทำงานบนรอยแดงจากเส้นเลือดแดงฝอยโดยการให้สีแดงของฮีโมโกลบินบนเซลล์เม็ดเลือดของคุณเป็นส่วนที่ดูดซับพลังงานแสง
ปานแดงแต่กำเนิด

ที่มารูป: สถาบัน JB cosmetic
ปานแดง เป็นเม็ดสีฟ้า-ม่วง ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปทั้งบนร่างกายหรือบนใบหน้า โดยทั่วไปแล้วปานแดงมักเกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิดและบ่อยครั้งจะพบเห็นขณะที่ยังเป็นเด็ก ซึ่งในผู้ใหญ่บางคนมีปานแดงติดตัวไปตลอดชีวิตและตัดสินใจที่จะเก็บรักษามันไว้ ปานแดงไม่เป็นอันตรายใด ๆ เพียงแค่อาจเป็นที่รำคาญใจต่อผู้พบเห็นเท่านั้น
มีหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า IPL ให้ประสิทธิผลที่ดีกับปานแดง โดยทั่วไปแล้ว IPL สามารถลดความเข้มของปานแดงลงได้ 25-50% การรักษานี้มีความปลอดภัยและไม่มีรายงานเรื่องการเกิดผลข้างเคียง
โรคหน้าแดง/โรคโรซาเซีย
โรคโรซาเซีย มีความคล้ายคลึงกันกับการเป็นสิว แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีข้อแตกต่างอยู่บ้าง โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนจะนึกถึงการมีสีแดงพาดผ่านบนจมูกและแก้ม นอกจากนี้ยังทราบได้จาก “การขยายตัวแบบผิดปกติของเส้นเลือดฝอย” ซึ่งเป็นเส้นเลือดขนาดเล็กๆ ที่กระจายตัวอยู่บนชั้นผิว
ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า IPL สามารถลดรอยแดงจากโรคโรซาเซียได้ 50-80% ซึ่งผลการรักษาช่วยให้เกิดรอยแดงและรอยขยายตัวของเส้นเลือดฝอยลดน้อยลง ตามที่ Bjerring (2001) ได้ศึกษาไว้ว่า ผู้ได้รับการรักษาโดยส่วนมากสามารถคาดหวังผลการรักษาที่ดีขึ้นได้อย่างน้อย 50% หรือมากกว่านั้นสำหรับปัญหานี้มีหลักฐานสนับสนุนในระดับปานกลางสำหรับการใช้ IPL ในการรักษาโรคโรซาเซีย
สิวอักเสบจากแบคทีเรีย P.Acne

สิว benzoyl peroxideจะ
ช่วยลดรอยแดง สีผิวที่ผิดปกติ
และปรับโทนสีผิวของคุณให้ดี
ขึ้นได้ถึง 63% ที่มารูป:
สถาบัน JB cosmetic
เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ IPL มีผลต่อสิวเช่นกัน แสงจาก IPL จะทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวบนผิวหน้า โดยการฆ่าแบคทีเรียชนิดนั้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการผลิตน้ำมันบนผิวได้อีกด้วย การศึกษาโดย Yeung (2007) พิสูจน์ได้ว่าสามารถลดรอยแผลจากสิวได้ 43% หลังทำการรักษา 4 ครั้ง และยังมีอีกการศึกษาจาก Chang ที่ประเมินว่าการเพิ่ม IPL เข้าไปควบคู่กับการรักษาสิวด้วยครีมรักษาสิวแบบมาตรฐาน จะช่วยให้ผิวบริเวณนั้นดูดีขึ้น การศึกษาบันทึกไว้ว่า เมื่อใช้ IPL ร่วมกับยารักษาสิว benzoyl peroxideจะช่วยลดรอยแดง สีผิวที่ผิดปกติและปรับโทนสีผิวของคุณให้ดีขึ้นได้ถึง 63%
ปัญหาหนึ่งสำหรับการรักษาสิวด้วย IPL คือยังไม่มีการทดลองรักษาในระยะยาว อย่างไรก็ดี มีหลักฐานสนับสนุนในระดับปานกลางสำหรับการใช้ IPL ในการรักษาสิวจากการศึกษาของ Wat et al (2014)
ขั้นตอนการรักษาด้วย IPL มีอะไรบ้าง
ความรู้สึกเมื่อรักษาด้วย IPL เป็นอย่างไร? การรักษาด้วย IPL เจ็บมั้ย?
โดยทั่วไปความรู้สึกของผู้ที่รับการรักษาด้วย IPL จะเป็นอาการไม่สบายผิวแบบสั้นๆ ในขณะที่แสงปล่อยความร้อนไปยังผิวหนัง คนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดมากนัก อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลและเราทุกคนก็มีเกณฑ์ระดับความเจ็บปวดเป็นของตัวเอง การใช้ความเย็นสามารถช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวได้ บางครั้งก็ใช้น้ำแข็งก้อนเล็กๆ มาประคบเพื่อช่วยลดความเจ็บปวด ถึงอย่างไรการใช้เจลความเย็นอาจทำให้เกิดความเสี่ยงได้ ถ้าคุณไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดและตั้งค่า IPL ในระดับที่สูงมากเกินไปกว่าที่ผิวของคุณจะรับได้ สุดท้ายแล้วผลที่ตามมาก็คือผิวของคุณได้รับความร้อนที่สูงมากเกินไปจนผิวหนังไหม้
ผลข้างเคียงโดยทั่วไปของการรักษาด้วย IPL มีอะไรบ้าง? และใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะหายหลังจากการรักษาด้วย IPL?
ผลข้างเคียงที่พบโดยส่วนมากก็คือ อาการแดงและอาการบวมเพียงเล็กน้อยในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งโดยปกติแล้วอาการจะไม่รุนแรงและจะหายไปได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 1 วัน ผู้ที่รับการรักษาโดยส่วนมากมักจะไม่ใส่ใจและกลับไปทำงานต่อได้ภายในวันนั้นเลย หนึ่งการศึกษาจาก Fodor et la (2009) บันทึกไว้ว่า เกือบ 67% – 75% ของผู้ที่รับการรักษาไม่พบว่ามีอาการข้างเคียงใดๆ เมื่อทำการรักษารอยเส้นเลือดแดงฝอยและกำจัดเส้นขน
น้อยมากที่จะพบคนที่เกิดแผลพุพอง(เหมือนกับผิวไหม้แดด)จากการรักษา ถ้ามันเกิดขึ้นให้คุณทำการรักษาเหมือนกับผิวไหม้แดด ปิดแผลให้มิดชิดและรักษาความสะอาด
การรักษาด้วย IPL มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงหรือส่งผลในระยะยาวหรือไม่?
ผมบอกผู้เข้ารับการรักษาเสมอว่า ถ้าคุณเคยพบกับศูนย์ดูแลสุขภาพที่บอกคุณว่ายาและการรักษาไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ให้คุณรู้ไว้เถอะว่าพวกเขากำลังทำตัวไม่น่าไว้ใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำอยู่มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างคียงทั้งสิ้น มันอาจจะเป็น 1 ใน 1,000,000 แต่ก็ถือได้ว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้น การรักษาด้วย IPL ก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้ว่ามันจะมีความปลอดภัยมากแต่ก็ยังคงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่หาได้ยากเกิดขึ้นได้ ผมจะพยายามอย่างที่สุดที่จะอภิปรายในเรื่องโอกาสการเกิดผลข้างเคียงอย่างตรงไปตรงมา – James P. Bonaparte, MD, MSc, FRCSC
- การเกิดเม็ดสีผิดปกติแบบไฮเปอร์ หรือ ไฮโป – ซึ่งหมายความว่าผิวของคุณสามารถเกิดจุดสีอ่อน (ไฮโป) หรือจุดสีเข้ม(ไฮเปอร์) ในบริเวณที่ทำการรักษา โดยส่วนมากมักจะเกิดขึ้นแบบชั่วคราวแต่อย่างไรก็อาจเกิดขึ้นแบบถาวรได้ เราพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ใช้พลังงานที่สูงเกินไปในการรักษา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่พบว่าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิว โดยเฉพาะในผู้รับการรักษที่มีผิวสีเข้มมากจะมีความเสี่ยงสูงมากกว่า ที่จะเกิดจุดด่างสีขาวบนผิว ดังนั้นเราจึงรักษาผู้ที่มีโทนสีลักษณะนี้ด้วยความงระมัดระวังอย่างมากในทุกขั้นตอน
- แผลเป็น – เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ยากมาก และจะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลนั้นได้รับการรักษาที่รุนแรงมากเกินไป บ่อยครั้งผู้รับการรักษาอยากได้ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจนมาก แต่ควรระลึกไว้ว่าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก
- เพิ่มการงอกของเส้นขน – เป็นกรณีที่พบได้ยากมาก ๆ ในบางคน พวกเขาสามารถเกิดการงอกของเส้นขนที่มากขึ้น หรือ เส้นขนที่เป็นสีดำเปลี่ยนกลายเป็นสีขาว วิธีที่สำคัญที่สุดในการลดโอกาสของการเกิดผลข้างเคียงนี้ ก็คือการทำ “Test patch (ทดสอบการแพ้)” เป็นอันดับแรก โดยการทำการรักษาไปยังผิวหนังบริเวณที่ลับตาคน (เช่น ด้านหลังต้นคอ, ใต้ไรผม) ถ้าผลการทดสอบปรากฏว่าไม่มีปัญหา นั่นหมายความว่ามีโอกาสต่ำมากที่จะพบเจอปัญหานี้ในบริเวณอื่น ๆ
บทสรุปสุดท้ายในการศึกษาทั้งหมด (127 การศึกษา) โดย Wat et al (2014) มีเพียง 4 กรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงอย่างยาวนาน คือการลุกลามของโรคเริมบนริมฝีปาก 1 กรณี เกิดแผลเปื่อยเรื้อรังหลังจากได้รับการรักษา1 กรณี และเกิดรอยแผลเป็นจำนวน 2 กรณี
การรักษาด้วย IPL เหมาะกับสีผิวแบบไหน
น่าเสียดายที่การรักษาหลายรูปแบบที่เรามีในด้านเวชกรรมความงาม เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ที่มีโทนผิวคล้ำ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้การรักษาผู้คนที่มีเชื้อชาติเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากและน่าผิดหวัง และหนึ่งในปัญหาใหญ่ก็คือการขาดแคลนข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับกลุ่มคนผู้มีโทนผิวคล้ำ
ความแตกต่างที่สำคัญมากระหว่างผู้ที่มีผิวคล้ำและผู้ที่มีผิวขาวก็คือ ปริมาณของเมลานิน (เม็ดสีผิว) ภายในผิว โปรดจำไว้ว่า เมลานินเป็นสารประกอบที่มีสี (Chromophore) และสามารถดูดกลืนแสงได้ อีกความท้าทายหนึ่งก็คือคนผิวคล้ำมีแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงสูงสำหรับการเกิดแผลเป็นที่ผิดปกติ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากในการรักษา
น่าเสียดายที่โดยทั่วไปแล้วการรักษาด้วย IPL ไม่แนะนำให้ใช้กับคนผิวคล้ำเนื่องจากความเสี่ยงต่อการเกิดสีผิวที่เข้มขึ้นหรือทำให้สีผิวอ่อนลง โดยสรุปคือ IPL ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีผิวคล้ำ อย่างไรก็ตามยังมีเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ ที่สามารถนำมาใช้กับโทนผิวสีเข้มได้อย่างปลอดภัย
ฉันจำเป็นต้องทำการรักษาบ่อยแค่ไหน?
คนส่วนใหญ่จะเลือกทำการรักษา 3 ครั้ง ซึ่งใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 6-8 สัปดาห์ บางคนเห็นผลอย่างมากหลังจากการรักษาครั้งแรก แต่ยังคงต้องการทำการรักษาให้ครบ 3 ครั้งเพราะถ้าคุณมองไปที่การวิจัย ในการศึกษาส่วนใหญ่จะทำการรักษาอยู่ที่ประมาณ 3-4 ครั้ง
สิ่งที่จะตามมาหลังการทำการรักษาคืออะไร?
สิ่งสำคัญมากหลังทำการรักษาก็คือ คุณต้องพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือ ใช้ครีมกันแดดอย่างน้อยเป็นเวลา 8 สัปดาห์หลังจากทำการรักษา ถ้าไม่เช่นนั้นอาจทำให้สีผิวของคุณเปลี่ยนไป คุณอาจสังเกตุเห็นผิวหนังที่เริ่มตกสะเก็ด และสิ่งสำคัญคือห้ามคุณแกะหรือดึงมันออกปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ พยายามรักษาความชุ่มชื้นของผิวและหากมีอาการปวดให้รีบพบแพทย์
อ้างอิง: สถาบัน JB cosmetic